พรมมีหลายประเภทมีทั้งที่ทำจาก อะคลิลิก และพรมที่ทำจากไนลอนก็จะมีราคาแพงกว่าและจะมีคุณภาพที่ดีขึ้นด้วยเนื่องจากมีความลื่นมากกว่าและนุ่มมากกว่า อะคลิลิก ส่วนพรมที่นิยมในปัจจุบันได้แก่ 
 

• พรมทอตามรูปห้อง (Wall to Wall) หรือมีทั้งรูปแบบการ ทอเครื่อง และทอมือหรือจะมีการทอทั้งแบบสีเรียบที่มีราคาถูกกว่าหรือการทอตามลวดลายต่างๆซึ่งมีราคาแพง สามารถพับลวดลายได้มากมาย สามารถใส่สีได้มากมายตามความต้องการของผู้ใช้
 

• แมชชินพับ เป็นลักษณะของพรมที่ทอโดยเครื่องจักร โดยปกติใช้ไหมที่ทำจาก อะคลิลิก เป็นส่วนใหญ่บางส่วนอาจจะใช้ไหมที่ทำจากไนลอน ซึ่งมีราคาสูงกว่า โดยปกติพรมแมชชินพับจะเป็นพรมที่ทอหน้ากว้างต่างๆไว้แล้ว เช่นหน้ากว้าง  36  มิลลิเมตรหรือหน้ากว้าง 40 มิลลิเมตรพรมชนิดนี้จะมีลวดลายในรูปแบบที่ทำซ้ำลาย (รีพีช)  และสามารถเลือกพรมที่ไม่มีลายได้ด้วย พรมประเภทนี้สามารถปูพร้อมกับยางรองเพื่อให้มีความนุ่มสบายเท้าในการเดินแล้วยังช่วยยืดอายุการใช้งานของพรมออกไปได้ พรมรูปแบบนี้เป็นพรมที่มีราคาไม่แพงเนื่องจากทอในปริมาณมากและทอสำเร็จรูปไว้ก่อน และเป็นพรมที่มีความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งในประเทศไทย
 

• พรมแผ่น (Carpet tiles) เป็นพรมที่ถูกตัดเป็นขนาด 50คูณ50 เซนติเมตร และอัดเนื้อพรมกับหลังพรมพร้อมกับยางรองในตัว พรมประเภทนี้เป็นพรมที่สามารถเปลี่ยนพรมเฉพาะจุดได้เมื่อเกิดความเสียหายเฉพาะจุด เช่น การทำกาแฟหก หรือการทำคราบสกปรกเลอะพรมและซักไม่ออก ซึ่งพรมประเภทนี้จะมีความทันสมัยและเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สำนักงาน หรือร้านค้าเป็นอย่างดี มีราคาสูงกว่าพรมที่ทอด้วยเครื่อง ส่วนใหญ่จะมีหน้ากว้าง 50 คูณ50 เซนติเมตร แต่ก็มีหน้ากว้างพิเศษอื่นๆ เช่น 40 คุณ 40  เซนติเมตร เป็นต้น
 

• พรมอัด คือ พรมที่เกิดจากการนำเอาเศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตพรมมาอัดเข้ารูปเป็นแผ่น ซึ่งสามารถนำมาปูและใช้งานได้ดี โดยปกติพรมอัดเหมาะกับการใช้งาน เช่น งานแสดงสินค้า งานนิทัศการ และในรถยนต์ เป็นต้น  พรมอัดเป็นพรมที่มีราคาถูกที่สุดจึงได้เห็นการใช้พรมอัดภายในที่พักอาศัยและสำนักงานทั่วๆไป คุณภาพของพรมอัดจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของพรมต่อตารางเมตรซึ่งคือความแน่นของพรมนั่นเอง โดยปกติจะเริ่มตั้งแต่ 210 แกรมต่อตารางเมตรจนไปถึง 600 แกรมต่อตารางเมตรซึ่งยิ่งมีความหนาแน่นเยอะ เมื่อใช้งานจะสามารถใช้งานได้ยาวถึง 3 ปีหรือใช้งานในออฟฟิตแทนพรมทอเครื่องได้เลย แต่พรมที่มีความหนาแน่นเพียง 200-300 ตารางเมตรโดยปกติจะใช้กับงานแสดงสินค้า จะเห็นว่าบางงานแสดงสินค้าที่เลือกใช้พรมในราคาไม่แพง ยังไม่ทันเสร็จงานพรมก็จะย่นขึ้น
•  พรมทอมือ เป็นพรมที่สามารถออกแบบลวดลายตามที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นโลโก้ หรือ การไล่สี การใส่ดอกไม้ใส่ลาดลายต่างๆที่ต้องการออกแบบได้ตามใจชอบ พรมแบบนี้โดยปกติทาง tiggercurtain จะทออยู่ที่  3.5-4.5  ปอนด์ ซึ่งพรมจะทำให้มีความหนา นุ่มและแน่น
• พรม ชิ้นหรือแช๊กกี้  คือพรมชิ้นที่มีขนยาวไว้ปูเป็นชิ้นๆใต้ชุดรับแขก ปลายเตียง เป็นต้น พรมชนิดนี้คือพรมที่มีขายเป็นชิ้นๆราคาแต่ละชิ้นก็จะแตกต่างออกไปตามลักษณะ มีทั้งแบบขนยาวเป็นเกรียว, ขนยาวธรรมดา ,ขนสั้น , ขนปุยและขนสัตว์  พรมแบบนี้ใช้เพื่อการตกแต่งและเพื่อความสวยงามทาง  tiggercurtain  มีบริการให้คำปรึกษาและแนะนำสำหรับลูกค้าเช่นกัน

ประโยชน์ของพรม
      พรมทำให้พื้นที่ใช้สอยมีความนุ่มนวลขึ้นเหมาะกับทั้ง งานออฟฟิต งานบ้าน ถ้าเป็นพื้นธรรมดาก็จะได้ยินเสียงเดินหรืออาจมีรอยดำได้ง่าย บางคนอาจมองว่าพรมเป็นสินค้าที่ทำความสะอาดได้ยากจริงๆแล้วพรมเกือบทุกชนิดสามารถซักได้และสามารถดูดฝุ่นได้ พรมสามารถทำให้พื้นที่ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้นและดูสวยงามหรูหรา 
วิธีการดูแลรักษาพรม

       ทำโดยวิธีการซัก ซึ่งทาง  tiggercurtain  ก็มีบริการซักพรม จริงๆแล้วการดูแลรักษาพรมโดยเบื้องต้นสามารถทำได้ทุกวันโดยวิธีการดูดฝุ่นถ้าเกิดว่ามีการใช้งานนานเข้า อาจจะเป็นครึ่งปี หรือหนึ่งปีขึ้นไปก็ซักสักครั้งหนึ่ง ก็สามารถทำให้พรมมีอายุการใช้งานนานขึ้นไปอีกและมีความใหม่ สะอาดอยู่เสมอ
 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม
       วิธีการเลือกพรม

1. การเลือกดูความแน่นของพรม ว่ามีความแน่นมากน้อยแค่ไหน

2. วัสดุที่นำมาใช้กับพรมนั้นคืออะไร  
    ปกติอย่างที่เคยบอกว่า  อะคลิลิก จะมีราคาถูกแต่ ไนลอนก็มีราคาแพงขึ้น แล้วก็จะมีไหมอื่นๆอีกเช่น ขนสัตว์  วิธีการทอถ้าเป็นการทอเครื่อง ราคาถูกสุด หรือพรมแบบอัดก็มีราคาถูกสุด ในส่วนของความแน่นก็จะเป็นเรื่องของน้ำหนักพรมที่ต้องพูดถึงจะมีในลักษณะปอนด์หรือเป็นกรัมต่อตารางเมตร ทั้งนี้การเปรียบเทียบน้ำหนักพรมมีผลต่อราคาของพรมมากพอสมควร ดังนั้นการจะเลือกพรมให้ดีมีคุณภาพสิ่งสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับความรู้และความเข้าใจในส่วนของตัววัสดุซึ่งเจ้าหน้าที่ของทาง  tiggercurtain สามารถช่วยคุณในการออกแบบและเสนอราคาสินค้าที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้

ขอบคุณสำหรับข้อมูล http://icurtain.co.th